วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2550

" เตือนพ่อแม่ระวัง โจ๋ไทย "ติดเซ็กส์" โทรศัพท์ -เน็ตฯ ตัวอันตราย!! "

" เตือนพ่อแม่ระวัง โจ๋ไทย "ติดเซ็กส์" โทรศัพท์ -เน็ตฯ ตัวอันตราย!! "


คลิกที่ภาพเพื่ออ่านข่าวทั้งหมดจากเว็บ

เทคโนโลยีทำ สังคมไทยป่วน วัยรุ่นไทยเลือกใช้ "โทรศัพท์ - อินเทอร์เน็ต" เป็นช่องทาง ติดต่อเพศตรงข้าม มูลนิธิกระจกเงา ชี้สถิติเด็กสาว หายตัว 2 ปี กว่า 200 คน ขณะที่บางส่วน ถูกตามตัวกลับบ้าน แต่กลายเป็น เด็กมีพฤติกรรม "ติดเซ็กส์" แทน ด้านจิตแพทย์ ระบุ "เซ็กส์โฟน - แชทไลน์" ไม่ใช่โรคจิต

ข่าว การทลายเข้าไปจับกุม สาวๆที่ทำหน้าที่ "บำบัดความใคร่" ให้กับสมาชิกผ่าน เครื่องรับโทรศัพท์ หรือที่รู้จักกันว่า "เซ็กส์โฟน"เมื่ออาทิตย์ ที่ผ่านมานั้น ถือเป็นการเปิดมุมมืด ของสังคม ให้ผู้คนทั่วประเทศ ได้รับรู้อีกมุมหนึ่ง แต่ในความเป็นจริงแล้ว "มุมมืด" ในสังคมที่ยัง ไม่มีการทลาย ยังมีอีกมากมาย

เจาะกลุ่ม แชทไลน์ 1900

เอกลักษณ์ หลุ่มชมแข หัวหน้าศูนย์ ข้อมูลคนหาย มูลนิธิกระจกเงา ซึ่งเป็นหน่วยงาน ที่ติดตาม สืบเสาะการหายตัว ของกลุ่มวัยรุ่นหญิง บอกกับ "ผู้จัดการรายสัปดาห์" ว่าจากการเก็บข้อมูล ของมูลนิธิมา ตั้งแต่ปี 2547 จนถึงปัจจุบันพบว่า มีเด็กผู้หญิงวัยรุ่น หายตัวไปจากบ้าน มากกว่า 200 ราย โดยเยาวชนส่วนใหญ่ ที่หายตัวไปนั้น มีอายุเฉลี่ย ประมาณ 15 - 18 ปี ในจำนวนนี้ หายตัวไปหลังจาก การเข้าไปใช้บริการ ออดิโอเท็กซ์ ประเภทแชทไลน์ (1900) ด้วยบางส่วน

" เดิมนั้น เราไม่ได้สืบเสาะ หาสาเหตุของการหายตัวไป ของเด็ก แต่หลังจาก ที่มีสถิติเพิ่มขึ้น เรื่อยๆ ทำให้เราต้องหาสาเหต ุที่แท้จริง เพื่อจะได้มีการแก้ไขปัญหานี้ อย่างชัดเจน ซึ่งจากการที่เราเข้าไป สืบหาข้อมูล พบว่าเด็กที่หายตัวไป ส่วนใหญ่จะใช้ "แชทไลน์" ก่อนทั้งสิ้น " หลังจากที่ หาสาเหตุพบ ทำให้มูลนิธิกระจกเงา เริ่มลงลึกถึงปัญหา จนทำให้รู้แน่ชัดว่า เด็กสาวที่หายตัว ออกไปจากบ้าน นั้นมีการติดต่อกับ "บุคคลแปลกหน้า" โดยผ่านช่องทาง "แชทไลน์" จึงได้มีการติดตาม สืบเสาะเด็กที่หายตัวไป จนในที่สุด ก็ตามตัวพบ

เอกรัตน์บอกว่า เด็กที่หายตัวไปนั้น ส่วนใหญ่จะมีครอบครัว ที่ไม่อบอุ่นพ่อแม่แยกทางกัน หรือแม้แต่พ่อแม่ ทำงานจน ไม่มีเวลาให้กับลูก เด็กจึงขาดความอบอุ่น และต้องการ "คนที่เข้าใจ" จึงหาทางออก โดยการเข้าไปพบปะพูดคุย กับคนแปลกหน้า และเด็กก็เลือก ช่องทาง "แชทไลน์ 1900" ซึ่งมีโฆษณา มากมาย ผ่านหนังสือ นิตยสาร ฯลฯ

โดยกลุ่มเด็กหญิง ที่เข้าไปใช้บริการแชตไลน์นั้น มีฐานะระดับปานกลาง ขึ้นไป น่าตกใจ บางราย เป็นลูกคนใหญ่คนโต ที่เป็นที่รู้จัก ในบ้านเมือง ลูกนายทหาร ลูกข้าราชการ นักเรียน นักศึกษามหาวิทยาลัย ฐานะทางบ้านดี เรียนเก่ง ไม่น่าใช้บริการหาเพื่อนคลายเหงา หรืออยากมีเพศสัมพันธ์ กับคนแปลกหน้า เด็กสาวบางรายหลอก ขอเงินพ่อแม่โอนมาให้ ผู้ชายที่รู้จักทางแชตไลน์ เป็นเงิน 1 หมื่นบาท โดยพื้นที่ที่มีเบอร์โทรศัพท์ เข้าไปใช้บริการแชตไลน์ มากที่สุด ได้แก่ ย่านเขตธนบุรี บางแค

"เด็กๆที่เข้าไปใช้บริการ จะใช้ช่องทางแชทไลน์ ติดต่อกันไม่กี่วันจากนั้น จะให้เบอร์โทรศัพท์มือถือกัน พูดคุยกันสร้างความสนิทสนม ไม่เกินหนึ่งวัน ก็จะนัดเจอตัวกัน โดยมีจุดนัดพบหลายแห่ง ซึ่งที่นิยมที่สุดก็จะเป็น ห้างสรรพสินค้าต่างๆ"

ผู้ที่เข้าไปใช้ บริการแชทไลน์ นั้น จะมี 2 กลุ่ม คือกลุ่มเด็กวัยรุ่น ซึ่งส่วนใหญ่ จะเป็นเด็กผู้หญิง และกลุ่มผู้ชาย ซึ่งมีความประสงค์เดียว คือ "เข้ามาหาเด็ก" เพราะเท่าที่มีการตรวจสอบ พบว่าผู้ชายที่เข้ามาใช้ บริษัทนี้ จะมีอายุเฉลี่ย 23-30 ปี ที่สำคัญผู้ชายกลุ่มนี้ ส่วนมากจะมีงานทำ และมีเงินพอที่จะเป็น "เจ้ามือ" ทั้งเลี้ยงข้าว ดูหนัง ฟังเพลง และสุดท้ายคือ จ่ายค่าโรงแรม

เอกรัตน์บอกว่า จากการที่เราติดตาม ตัวเด็กกลับมา และได้สอบถาม ถึงสาเหต ุเด็กจะบอกว่าเหงา ต้องการคนเข้าใจ ซึ่งกลุ่มเพื่อนๆ ที่แชทไลน์นั้น คือสิ่งที่เด็กๆ พวกนี้ตามหา เพราะคนพวกนี้ จะสามารถรับฟังปัญหาต่างๆ และมีวิธีการที่จะชักจูง ให้เด็กๆ โอนอ่อนผ่อนตาม ได้โดยง่าย "ที่น่าตกใจมีเด็กรายหนึ่ง หายออกจากบ้าน ไปกับคนแปลกหน้าที่รู้จัก ทางโทรศัพท์ 1900 ถึง 8 ครั้ง และไม่ซ้ำหน้ากัน ทั้ง 8 ครั้ง แสดงถึงครอบครัว ขาดความอบอุ่น พ่อแม่ไม่มี เวลาดูแลลูก ให้เงินเลี้ยงดูลูก"

เอกรัตน์ อธิบายอีกว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วง และควรจะได้รับการแก้ไข อย่างเป็นระบบ คือเด็กๆ ที่ทางเรา ร่วมกับตำรวจ ปดส. ตามตัวกลับมา แล้วส่งกลับบ้านทุกคน จะกลับเข้าสู่วงจรเดิมๆ อีกเพราะตัวเด็ก เองนั้น ได้กลายเป็นคน "ติดเซ็กส์" ไปเสียแล้ว คือคิดว่าการมีเพศสัมพันธ์นั้น คือความสุข ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก

"เด็กผู้หญิง ที่เราติดตามตัว กลับมาได้ เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ กลายเป็นเด็กติดเซ็กส์ มองเรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องปกติ ทั้งๆ ที่เด็กพวกนี้ มีอายุแค่ 14-18 ปี เท่านั้น ที่สำคัญเด็กพวกนี้ ไม่ได้มีเพศสัมพันธ์ กับผู้ชายคนเดียวเท่านั้น แต่มีการสลับสับเปลี่ยน หมุนเวียนกันไป ตามแต่เขาจะติดต่อ กลุ่มไหนได้ บางครั้งเมื่อเรา ติดตามไปถึงแหล่งมั่วสุม ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือบ้าน ของผู้ชายจะพบ เด็กวัยรุ่นชายหญิง เป็นกลุ่มๆ รวมกันอยู่ ซึ่งส่วนใหญ่ ก็คือกลุ่มเพื่อนที่พบกัน ในแชทไลน์นั่นเอง"

ปัญหาดังกล่าวนี้ แม้จะมีการพูดคุยกันมานาน แต่กลับไม่มีการปฏิบัติกัน อย่างจริงจัง ทำให้ปัญหาต่างๆ ดังกล่าวนี้ยังคงอยู่ต่อไป ซึ่งมูลนิธิกระจกเงา ได้เสนอมาตรการ ในการแก้ไขปัญหานี้ ด้วยการเสนอมาตรการ 5 ข้อ ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่

1. มีมาตรการตรวจสอบ และติดตามมีการปฏิบัติ ตามสัญญาจริง

2.ลงทะเบียนก่อนเข้าใช้ บริการแชตไลน์ เพื่อตรวจสอบ คุณสมบัติ ผู้เข้าใช้บริการ เช่น ตรวจสอบ เลขที่บัตรประชาชน

3.มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบ โดยสุ่มฟังสนทนา เพื่อไม่ให้ใช้ถ้อยคำ ที่ส่อไปทางลามกอนาจาร ถ้าพบใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม ตัดสิทธิใช้บริการทันที

4.ระวังข้อความ และรูปภาพที่ไม่เหมาะสม ในการโฆษณาเชิญชวน ใช้บริการแชตไลน์ ตามเว็บไซต์ สื่อโฆษณาอื่นๆ

และ 5.มีมาตรการลงโทษ ผู้ประกอบการ ตามกฎหมาย ถ้าพบว่า ไม่ทำตามสัญญา

"มาจนถึงปัจจุบันนี้ มาตรการแก้ไขปัญหา ที่เราเสนอไปนั้น ยังไม่มีการนำมาปฏิบัติ อย่างจริงจัง ทำให้ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ยังคงดำรงอยู่ ผมเชื่อว่าคนในสังคม ไม่น้อย ที่คิดว่าเรื่องเซ็กส์ เป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ถ้านำเรื่องเซ็กส์ มาผู้ติดกับธุรกิจ เซ็กส์ กลายเป็นสินค้าแล้ว สังคมไทยเรา จะดำรงอยู่ได้อย่างไร" เอกรัตน์กล่าว

แชท ออนไลน์ก้าวไกล สู่อินเตอร์

ด้วยเทคโนโลยีการสื่อสาร ที่ทันสมัยในยุคนี้ การเข้าไปเล่นแชทไลน์ อาจจะเป็นเพียงส่วนเล็กๆ ที่เกิดขึ้นในสังคมบ้านเรา แต่เพราะเทคโนโลยีดิจิตอล นี่เองที่ได้นำเอา "ช่องทาง" การติดต่อกับคนแปลกหน้า เข้ามามากมายหลายช่อง ทางโดยผ่าน โปรแกรมสนทนาต่างๆ เริ่มจากยุคแรกๆ คือเพิร์ซ ไอซีคิว รวมถึงห้องแชตรูม ของเว็บไซต์ต่างๆ และปัจจุบันโปรแกรม MSN กำลังได้รับ ความนิยมจากบรรดา "นักแชต" จากทั่วโลก

การใช้สื่อออนไลน์ ในการพูดคุย กับคนแปลกหน้า ในปัจจุบันนี้ถือเป็นเรื่องที่น่า จับตามองเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะกรณี ที่มี "จิ้งจอกสังคม" ใช้คอมพิวเตอร์ หรืออินเทอร์เน็ต เป็นเครื่องมือ ในการหลอกลวงหญิงสาว ไปข่มขืน และชิงทรัพย์ ซึ่งปรากฎเป็นข่าว ตามหน้าหนังสือพิมพ์ อย่างต่อเนื่อง

รศ.ดร.สมพงษ์ จิตระดับ คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้เปิดเผยข้อมูล การวิจัยที่ศึกษา มานานกว่า 10 ปี ระบุว่า สังคมไทยมีโอกาส เสียอนาคต เพราะเยาวชน ในอัตรา 2 ใน 5 มีปัญหาหลงใหล วัตถุนิยม สื่อลามก ภัยทางเพศ เกมคอมพิวเตอร์ มีปัญหาความรุนแรง ซึ่งเป็นผลมาจากไทย มีโครงสร้างเป็นสังคมเปิด เกิดการหลั่งไหล ทางวัฒนธรรม ในขณะที่สภาพสังคม และครอบครัวอ่อนแอ จึงตั้งรับไม่ทัน นอกจากนี้ ยังเกิดจากการแข่งขันในสังคม โดยผู้ปกครองร้อยละ 70-80 เน้นให้บุตรเรียนเก่ง จึงส่งไปเรียนพิเศษ และเมื่อเวลาว่าง เด็กนิยม เล่นเกมคอมพิวเตอร์ จึงขอเรียกร้อง ให้ทุกฝ่ายตระหนัก ถึงปัญหานี้ และขอให้สภาร่างรัฐธรรมนูญ ร่างรัฐธรรมนูญลงโทษ ผู้ที่ไม่บังคับใช้กฎหมาย อย่างแท้จริง หลังจากที่ปัจจุบัน พบว่าเจ้าหน้าที่ หละหลวมในการเอาผิด ในคดีเด็ก เยาวชน

"จากสถิติพบว่า ปัจจุบันเด็ก ที่ใช้อินเทอร์เน็ต มีเพียงร้อยละ 20 ที่ใช้เพื่อหาวิชาความรู้ แต่ร้อยละ 80 ใช้ทำอย่างอื่น และร้านเกม ยังเป็นแหล่งมั่วสุม เกิดปัญหาเด็กเร่ร่อน เด็กหลายราย ไม่ยอมกลับบ้าน กลายเป็นเด็ก เร่รอนเทียม เป็นจำนวนมาก"

รศ.ดร.สมพงษ์ระบุอีกว่า โลกดิจิตอลนี้ สามารถติดต่อกันได้ทั่วโลก ดังนั้นคนที่เข้าไปสู่ โลกอินเทอร์เน็ตจึงมีโอกาส ติดต่อกับโลกภายนอกมากขึ้น ซึ่งสิ่งที่แฝงมานี้ ก็มีอันตรายเพิ่มมากขึ้นด้วย ดังนั้นเรื่องนี้ทุกฝ่าย ควรจะหันมาให้ความสนใจ และร่วมมือร่วมใจกัน หาทางป้องกัน กันอย่างจริงจังเสียที

จิตแพทย์ชี้ "เซ็กกส์โฟน" ไม่ใช่โรคจิต

ในเรื่องเดียวกันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกกระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นว่า ในการเข้าไปใช้แชทไลน์ โดยเฉพาะในส่วนของ เซ็กส์โฟนนั้น ในเชิงจิตวิทยา จะจำแนกกลุ่มผู้ใช้บริการ ออกเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มที่โทร. ไปรับบริการ จากหน่วยที่ให้บริการ โดยไม่ได้มีอาการป่วยทางจิต ซึ่งจัดเป็นกลุ่มคนที่ต้องการ ได้รับสิ่งเร้าให้เกิด ความต้องการทางเพศทางเสียง เหมือนกับสิ่งเร้ารูปแบบอื่นๆ ทั้งภาพอย่างรูปโป๊ ภาพเคลื่อนไหว วีดีโอคลิป การสัมผัส และกลิ่น ที่ช่วยให้เกิด การเร้าอารมณ์ จนถึงจุดสุดยอด โดยเพศชาย จะถูกกระตุ้นอารมณ์ทางเพศ ได้ง่ายจากสิ่งเหล่านี้ เป็นเรื่องปกติ

ส่วนกลุ่มที่ 2 ที่โทรศัพท์ ไปเซ็กซ์โฟน กับบุคคลที่ไม่รู้จัก หรือโทร.สุ่มมั่ว จะเข้าข่ายมี ปัญหาทางสุขภาพจิต เป็นกลุ่มมีความผิดปกติทางเพศ เรียกว่า กลุ่มโรคพาลาฟิลเลีย (Paraphilias) หรือ กามวิปริต เช่นเดียวกับบุคคล ที่ชอบถ้ำมอง ถูไถ ขโมยกางเกงใน และพวกชอบ ความรุนแรงทางเพศ หรือซาดิสต์ คนกลุ่มนี้ใช้ กิจกรรมอื่นทดแทน การมีเพศสัมพันธ์ ในช่องทางปกติ เช่น การมีเซ็กซ์ กับภรรยา ซึ่งกลุ่มนี้อาจเป็นส่วนน้อย ที่โทรศัพท์ใช้บริการ แต่กลับชอบเซ็กซ์โฟน แบบสุ่มมั่ว เพราะได้รับความตื่นเต้น เร้าใจ และลุ้นปฏิกิริยา ของผู้ที่รับโทรศัพท์ เพราะไม่สามารถคาดเดา ผลที่จะเกิดขึ้นของฝ่ายตรงข้าม สำหรับผู้ให้บริการ หากทำเป็นอาชีพ ตามบทบาทหน้าที่ เป็นเพียงการแสดงอย่างหนึ่ง เพื่อให้ได้รับค่าตอบแทน ไม่มีอารมณ์ร่วม ไม่จัดว่าเป็นผู้ป่วยทางจิต

"ที่น่ากลัว คือ เยาวชน ที่เริ่มมีความสนใจเรื่องเพศ เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง ของฮอร์โมน จะสนุกสนาน กับการพูดคุยเรื่องเพศ ผ่านทางโทรศัพท์ อาจทำให้เยาวชนติด การพูดคุยในเรื่องนี้ผ่านโทรศัพท์ จนต้องการรู้ในเพศตรงข้าม ที่ตนไม่เคยรู้ จนเกิดอารมณ์ร่วมหลัง และติดในเรื่องเพศ"

สำหรับการให้บริการเซ็กซ์โฟน ในต่างประเทศ มีการเปิดให้บริการ อย่างโจ่งแจ้ง เป็นอาชีพที่สร้างกำไร อย่างมาก เพื่อใช้เป็นทางออก ให้กับคนที่มีปัญหาทางเพศ เนื่องจากเชื่อมั่นว่า คนในประเทศมีวุฒิภาวะมากพอ ในการที่จะแยกแยะ สำหรับประเทศไทย ปัจจุบันยังไม่เหมาะสม ที่จะเปิดเสรีเช่นนั้น ด้วยเพราะเยาวชนไทย มีวุฒิภาวะด้านอารมณ์เพศไม่ดี รวมทั้งในการใช้โทรศัพท์ ยังไม่สามารถจำแนกแยกแยะ ผู้ใช้โทรศัพท์ได้

www.saijai.net โทร.0-2886-9991
ที่มาข่าวจาก ผู้จัดการรายสัปดาห์ 5 กรกฎาคม 2550 07:59 น.

ไม่มีความคิดเห็น: